✨🐱 ยุคนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนเลี้ยงสัตว์ ไม่ใช่แค่พบเห็นตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรมตามต่างจังหวัด แต่ในโซเชียลมีเดีย เราก็จะเห็นว่ามี Pet influencer น่ารัก ๆ มากขึ้นจนกดติดตามไม่ทัน
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึก แต่ผลสำรวจของ TGM Research ระบุว่าคนไทยกว่า 73% มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองอย่างน้อย 1 ตัว เราจึงไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้จะเห็นหลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีการปรับกลยุทธ์สู่การเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง หรือ Pet friendly กันเป็นจำนวนมาก
โพสต์นี้เลยจะขอมาแนะนำกลยุทธ์การทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์จากผลการสำรวจของ CMMU มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าการจะเป็นแบรนด์ที่ได้ใจเหล่าทาส ให้มาเลือกใช้บริการและซื้อสินค้าของแบรนด์จะต้องทำอย่างไรบ้างครับ
🐶 1. สร้างความเชื่อมั่นว่าแบรนด์เข้าใจคนเลี้ยงสัตว์
ผลสำรวจระบุว่า 49% เลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเหมือนลูก และการเลือกใช้บริการต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเลือกจากความเชื่อมั่น เช่น การเข้ารับบริการในคลินิกหรือโรงพยาบาล ดังนั้น การทำให้เห็นว่าแบรนด์มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ มีความเข้าอกเข้าใจคนเลี้ยงสัตว์ว่าเขาห่วงใยและรักสัตว์เลี้ยงมากแค่ไหน หรือรับรู้ว่ามีปัญหาอะไรที่ต้องเจอบ้าง จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาเปิดใจและอาจหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มากขึ้น
🐶 2. สร้าง Brand Loyalty กับกลุ่มลูกค้าเดิม
ในตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง บอกเลยว่าทุกแบรนด์พร้อมจะนำเสนอสินค้าของตัวเองกันตลอดเวลา เราจะเห็นได้จากการให้ tester ห่อเล็ก ๆ เป็นของแถมเวลาไปซื้ออาหารหรือพาไปคลินิก แม้จากผลสำรวจจะระบุว่าเหล่าทาสกว่า 62.6% มักจะไม่เปลี่ยนแบรนด์อาหาร แต่การหาวิธีการที่จะทำให้ลูกค้าเก่าอยู่กับแบรนด์ต่อไปก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เช่น การเปิดให้มีการสะสมแต้ม แลกของรางวัลต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้เหล่าทาสกลับมาเลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อยู่เรื่อย ๆ
🐶 3. สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์หรือใช้ Influencer marketing
จากข้อมูลพบว่า 39.8% ของคนเลี้ยงสัตว์หาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารสัตว์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ จึงช่วยให้เข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้มากขึ้น ในขณะที่การใช้ Influencer ก็เป็นอีกวิธีที่เวิร์ก เพราะการได้เห็นภาพโฆษณาที่มีสัตว์อยู่ด้วยมีผลต่อการตัดสินใจซื้อถึง 43.82% โดยเฉพาะถ้าเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับที่เลี้ยงอยู่ เหล่าทาสก็จะยิ่งเกิดความสนใจในการอยากลองสินค้า เพราะรู้สึกมั่นใจในความเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ลูก ๆ ที่บ้านก็น่าจะกินได้ ใช้ได้ไม่ต่างกัน
🐶 4. จัดกิจกรรมรวมตัวคนเลี้ยงสัตว์ผ่านการสนับสนุนของแบรนด์
80% ของคนเลี้ยงสัตว์คือคนโสด การจัดกิจกรรมหรือมีอีเวนต์พิเศษเพื่อให้พวกเขาได้นำสัตว์เลี้ยงออกไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ ถือเป็นอีกสิ่งที่จะช่วยแบรนด์มีโอกาสเสนอสินค้ากับพวกเขา และช่วยเพิ่มโอกาสในการมองเห็นเพราะเหล่าทาสมักจะถ่ายรูป ถ่ายคอนเทนต์ไปลงต่อในช่องทางของตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังทำให้เหล่าทาสจำชื่อแบรนด์และรับรู้ว่าแบรนด์มีภาพลักษณ์ความเป็น Pet Friendly อีกด้วย
นี่ก็เป็นกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันในโพสต์นี้ ที่ไม่ว่าจะเลือกใช้กลยุทธ์แบบไหน สิ่งที่เราอยากฝากเอาไว้ก็คือ อยากให้ทุกคนทำการตลาดอย่าง #จริงใจ เพราะสัตว์เลี้ยงเปรียบเหมือนลูกของพวกเขา หากแบรนด์มีความจริงใจ เข้าอกเข้าใจพวกเขาอย่างแท้จริง ทำโปรโมชันที่ไม่เอาเปรียบ หรือโปรโมตสินค้าแบบที่ไม่เคลมจนเกินไป การจะได้ใจคนกลุ่มนี้มาครองก็อาจไม่ใช่เรื่องยากครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก: https://shorturl.asia/HjLD4 / https://shorturl.asia/i5nzQ / https://shorturl.asia/Z27Sq
#CreatexHouse #PET