‘ใคร ๆ ก็ชอบความรู้สึกของการได้เป็นคนพิเศษ’ ในโลกของการตลาดเอง เราก็มีวิธีที่จะช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้าของเราอยู่นะครับ นั่นก็คือวิธีที่เรียกว่า ‘การตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized marketing) นั่นเองครับ
การตลาดเฉพาะบุคคล เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษผ่านการนำเสนอเนื้อหา หรือสินค้าและบริการที่เราคัดสรรเป็นพิเศษให้เข้ากับความสนใจของลูกค้า เพื่อที่จะทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจในแบรนด์ของเรามากที่สุด
ตัวอย่างง่าย ๆ ลองนึกถึงเวลาที่เราสมัครสมาชิกร้านหนังสือที่เราชอบ ไม่นานนักในอีเมลของเราก็มักจะมีการส่ง offer ส่วนลดต่าง ๆ หรือแนะนำหนังสือที่อยู่ในหมวดเดียวกันกับที่เราอ่านมาให้ หรือบางครั้งก็อาจจะเสนอบริการบางอย่างเป็นกรณีพิเศษเนื่องในโอกาสสำคัญ เช่น สิทธิลด 15% เนื่องในวันเกิด โดยสินค้าและบริการเหล่านี้มักจะมาในรูปแบบของการให้ความสำคัญ ‘สำหรับคุณโดยเฉพาะ’ โดยบางครั้งก็เล่นกับความกลัวว่าคุณอาจจะพลาดโอกาสดี ๆ (Fear of Missing Out) ถ้าไม่ตอบรับสินค้าและบริการเหล่านี้ เช่น ถ้าไม่ซื้อวันนี้จะพลาดส่วนลดอีก 10% เป็นต้น
หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจของการทำ Personalized Marketing คือแคมเปญที่เล่นกับความเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มคนหมู่มาก ลองนึกถึงน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งที่มีการพิมพ์ชื่อเล่นของคนลงไปบนขวด ทำให้ลูกค้าสนใจเลือกซื้อน้ำอัดลมที่มีชื่อของเราหรือชื่อที่ต้องการมากขึ้น กลายเป็นความพิเศษที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกเยอะ
แต่ก่อนที่เราจะสร้างการตลาดเฉพาะบุคคลได้ สิ่งที่เราจะต้องมีก็คือ ‘ข้อมูล’ ที่แข็งแกร่ง เหมือนเวลาที่เราอยากจะจีบใครสักคน เราก็จะต้องรู้ก่อนว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เรื่องอะไรที่เขาสนใจ ซึ่งวิธีการเก็บข้อมูลก็มีอยู่หลากหลาย โดยอาจจะเอามาจากประวัติการค้นหาสินค้า ประวัติการใช้งานแอปพลิเคชัน การเยี่ยมชมเว็บไซต์ การกดถูกใจ แชร์ หรือการกรอกข้อมูลเพื่อแลกกับบริการบางอย่างเช่น การสมัครสมาชิกแลกกับส่วนลดการใช้บริการ ที่สำคัญคือการเก็บข้อมูลของเราจะต้องไม่ยุ่งยากและมากเกินไปจนทำให้เกิดความรำคาญ เช่น ให้กรอกแบบสอบถามยาว ๆ แต่ควรเลือกเก็บเพื่อเอาข้อมูลที่ได้ไปเสนอสินค้าและบริการของเราให้ตรงใจของผู้บริโภคแต่ละคนมากที่สุด ทำเพื่ออำนวยความสะดวกและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก
ซึ่งข้อดีของการตลาดแบบ Personalized Marketing ก็คือทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการและความสนใจได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจกับลูกค้าด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กระตุ้นให้เกิด Conversion และที่สำคัญคือเมื่อเราแสดงความใส่ใจและทำให้ลูกค้าแฮปปี้ ก็จะทำให้เกิดการแนะนำ บอกต่อถึงสินค้าและบริการของเรามากขึ้น
สรุปแล้วการทำ Personalized Marketing ก็คือการที่เราคำนึงถึงลูกค้าเป็นสิ่งแรกเราจึงศึกษาข้อมูลและสิ่งที่ลูกค้าของเราสนใจเพื่อการบริการลูกค้าเป็นสำคัญซึ่งเราอาจจะใช้วิธีเอาใจเขาไปใส่ใจเรามองในมุมลูกค้าดูว่าถ้าเราเป็นลูกค้าเราจะต้องการบริการและความใส่ใจแบบไหนที่จะทำให้เราประทับใจเพื่อที่จะได้เอามาปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดให้ดียิ่งขึ้นเพราะอย่าลืมว่าข้อมูลที่ได้มานั้นไม่ใช่เพื่อการสร้างโฆษณาให้ลูกค้ารำคาญใจแต่นำมาใช้เพื่อการวางแผนการตลาดให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษและได้รับบริการที่แสดงถึงความใส่ใจของแบรนด์เพื่อที่ลูกค้าจะได้อยู่กับเรานานขึ้นและบอกต่อประสบการณ์ที่ดีต่อๆกันดังนั้นจะจีบติดไม่ติดก็อยู่ที่ว่าเรารู้ข้อมูลความชอบของเขาดีแค่ไหนเอาใจเขาเก่งหรือไม่นั่นเองครับ