หลาย ๆ คนที่สนใจเรื่องการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะการโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็น่าจะเคยได้ยินคำว่า “SEO” และ “SEM” กันมาบ้าง ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการโฆษณาผ่าน Search engine ทั้งคู่ แล้วมันต่างกันอย่างไรล่ะ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเครื่องมือสองตัวนี้กัน
ความหมายต่าง … วิธีการก็ต่าง
SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นกลวิธีที่เราปรับแต่งให้หน้าเว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหาเป็นชื่อแรก ๆ บนโปรแกรมค้นหาต่าง ๆ เช่น Google Yahoo Bing ซึ่งการที่จะเกิด SEO ที่ดีได้ก็มาจากหลายวิธีการ เช่น การที่เราเขียน Content บนเว็บไซต์ให้ตรงกับ Keyword หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง, การทำ Backlink ฝากลิงก์บนเว็บไซต์ของเราไว้ที่เว็บอื่น ๆ ทั้งหมดก็เพื่อทำให้เว็บไซต์ของเราง่ายต่อการค้นหา และติดอันดับ SEO บนหน้าแรก ๆ ได้ ซึ่งกระบวนการทำ SEO นั้น “ไม่เสียค่าใช้จ่าย” แต่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผล และต้องหมั่นทำอย่างต่อเนื่อง
SEM ย่อมาจากคำว่า Search Engine Marketing คือการที่เราทำการ “ซื้อ” โฆษณาเพื่อให้เวลาที่มีคนค้นหาคำใกล้เคียงหรือคีย์เวิร์ดสินค้าของเรา เว็บไซต์ของเราก็จะปรากฎอยู่เป็นชื่อแรก ๆ จุดสังเกตคือคำว่า “AD” หรือ “โฆษณา” ที่จะปรากฎบนหน้าชื่อเว็บไซต์บนหน้าการค้นหาต่าง ๆ และเมื่อมีการคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เราก็จะต้องเสียเงินค่าโฆษณาให้กับผู้ให้บริการ หรือที่เรียกว่า PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งข้อดีคือใช้ระยะเวลาสั้นกว่า SEO เห็นเป็นลำดับแรก ๆ ชัดเจนกว่า และที่สำคัญคือยังสามารถวัดผลออกมาเป็นข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียเงินโฆษณาและการแข่งขันทางราคาที่สูงตามไปด้วย
แล้วใช้อันไหนดี?
อ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะเริ่มคิดว่าถ้าอย่างนั้นควรจะเลือกใช้ตัวไหนดี? คำตอบก็คือ “ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา” เพราะทั้ง SEM และ SEO ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือทำให้เว็บไซต์ของเราขึ้นเป็นที่หนี่งในหน้าแรกของการค้นหาให้ได้ ก็แล้วแต่ว่าจะใช้เงินซื้อโฆษณาเพื่อผลที่รวดเร็วแบบ SEM หรืออยากจะช้า ๆ แต่มั่นคงไปกับ SEO แต่ที่จริงแล้วควรจะใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไป เพราะการที่เราจะลงทุนโฆษณาเว็บกับ SEM ก็ควรมาจากพื้นฐานการสร้างคอนเทนต์และปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้มี SEO ที่ดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้ช่วยกันเสริมให้เว็บไซต์ของเรามีทั้งคุณภาพและสามารถเข้าถึงได้โดยง่ายนั่นเอง
#Createxhouse #SEO #SEM
