ทุกคนต่างมีดนตรีในหัวใจ ทำให้นักการตลาดมองเห็นโอกาสในการใช้เสียงเพลงหรือเสียงดนตรีเพื่อเข้าไปในใจผู้บริโภคผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Music Marketing” เพื่อสร้างการจดจำและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคมาสู่แบรนด์
เพลงโฆษณาบางเพลงที่เราเคยได้ยินติดหูในวัยเด็ก ชวนหวนให้นึกถึงความทรงจำขึ้นมา.. ทำไมกันนะ? ทุกวันนี้เรายังร้องตามและจำกันได้อยู่ สิ่งนี้แสดงให้ถึงความสำเร็จของ Music Marketing เช่น
🎵 ปู ปู ปู ปูไทย อร่อยถึงใจ เด็กไทยทุกคน 🎵
🎵 กินอะไร กินอะไร ไปกิน… 🎵
วันนี้ขอเปิดจุดแข็งและเหตุผลดี ๆ ว่าทำไมเราถึงควรใช้กลยุทธ์ Music Marketing กันครับ

ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ดนตรี” เป็นอีกหนึ่งสื่อที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของทุกคน ไม่ว่าจะทำกิจกรรมส่วนตัวอะไร เราก็ต้องเปิดเพลง หรือไปที่ไหนเรามักจะได้ยินเสียงเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟ
เพราะ “ดนตรี” มีส่วนช่วยเสริมสร้างอารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้หลายธุรกิจมีการเลือกใช้กลยุทธ์ Music Marketing เข้ามาสร้างบทเพลงโฆษณา แคมเปญการตลาดเพื่อใช้เพลงช่วยในการโปรโมตสินค้า
เมื่อแบรนด์ของคุณเลือกใช้เสียงเพลงมาช่วยทำการตลาดได้ตรงจุด ตรงตามคาแรคเตอร์ ส่งผลให้แบรนด์มีตัวตนที่ชัดเจน โดดเด่น และผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์ขายอะไร ช่วยสร้างการจดจำให้ผู้บริโภคมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ นี่คือพลังแห่งเสียงเพลง

ความภักดีของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) เกิดจากความเชื่อมั่น การนึกถึงสินค้าและบริการของแบรนด์เป็นปัจจัยสำคัญก็จริง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “เสียงเพลง” มีผลด้วยเช่นกัน
ใครจะเชื่อว่าเพลงไม่กี่นาที สามารถซื้อใจผู้บริโภคให้ตกหลุมรักได้อย่างแนบเนียน เมื่อแบรนด์ของคุณเลือกใช้เสียงเพลงที่บ่งบอกตัวตนได้ชัดเจน และสามารถแทรกซึมเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่หลากหลายได้ ไม่ว่าจะมีความสุข อบอุ่นหัวใจ สนุกสนาน สื่อสารผ่านอารมณ์ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายขึ้น และคล้อยตามไปกับเสียงเพลงได้อย่างง่ายดาย ทำให้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ในที่สุด

เมื่อแบรนด์สร้างตัวตนได้ชัดเจน และทำให้ผู้บริโภคหลงรักผ่านท่วงทำนองได้แล้ว เสียงเพลงยังมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายให้ผู้บริโภคกลับมาซื้ออีกครั้ง หรือมาใช้บริการซ้ำ ๆ เพราะชอบเพลงได้เช่นกัน อย่างเช่นแบรนด์ Starbucks ที่เปิดเพลงคลอเบา ๆ ภายในร้าน สร้างบรรยากาศชวนให้อยากดื่มกาแฟ และทำให้รู้สึกว่ารสชาติของกาแฟอร่อยมากขึ้น จนทำให้อยากกลับมาใช้บริการที่นี่อีก
ในปัจจุบัน หลายแบรนด์ได้มีการร่วมมือกับศิลปินหรือวงดนตรี เพื่อสร้างเพลงใหม่ให้เข้ากับแบรนด์ ทำให้แฟนคลับ และผู้ติดตามศิลปินได้รู้จักแบรนด์มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการสร้าง Brand Awareness ไปยังคนกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น แบรนด์ Lactasoy 125 มิลลิลิตร หลังขยับราคา 6 บาท ดึงหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม วง Paper planes มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และร่วมแต่งเพลงใหม่ขึ้น ทำให้เพลงติดหูได้ใจวัยเด็ก และยังโดนใจวัยรุ่น กระตุ้นยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ

“เสียง” คือสื่อกลางทางอารมณ์อันทรงพลัง ที่สามารถเข้าไปอยู่ได้ในทุกสื่อ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นมิวสิควีดีโอใน Youtube, Application Streaming,โฆษณาโทรทัศน์,ในห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงในงานอีเวนต์
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการสร้าง “Music Marketing” ในปัจจุบัน เพียงทำขึ้นมาแค่ 1 เพลง ก็สามารถแพร่กระจายไปอยู่ได้ในหลากหลายสื่อ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์ และจดจำชื่อแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะในโซเชียลมีเดีย หรือตามสถานที่ต่าง ๆ เสียงเพลงจะช่วยสื่อสารให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรอบด้าน และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลของกลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์ของคุณไม่ควรพลาด!
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.creativethailand.org/view/article-read?article_id=33702&fbclid
https://missiontothemoon.co/marketing-music-marketing/
https://grasp.asia/blog/music-marketing-กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงดูดคนด้วยเสียงเพลง
#CreatexHouse #MusicMarketing