Skip to content
image

เปิดจุดแข็ง ขายออนไลน์ + มีหน้าร้าน ผสานพลังเพิ่มยอดขายพุ่ง!! (O2O Marketing)

จะขายของออนไลน์ หรือจะเปิดหน้าร้านออฟไลน์อย่างเดียว หรือจะเลือกทั้งสองแบบไปเลยดีนะ? ถ้าเลือกไม่ได้แบบนี้ ก็ใช้โมเดล O2O Marketing กันไปเลย!

วันนี้จะพามารู้จักกับการตลาดแบบ O2O Marketing ซึ่งเป็นการดึงข้อดีของทั้ง 2 ฝั่งมาใช้ และเฉลยคำตอบว่าทำไม O2O Marketing ถึงช่วยเพิ่มยอดขายได้ด้วย!

? O2O Marketing คือส่วนผสมของข้อดีจากสองฝั่ง!สำหรับใครที่ไม่คุ้นกับ O2O Marketing ต้องบอกว่ามันคือโมเดลธุรกิจรูปแบบหนึ่ง ที่ดึงเอาจุดแข็งของการขายสินค้าแบบออนไลน์ และการขายสินค้าแบบออฟไลน์เข้ามาใช้ ซึ่งก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ สามารถใช้ได้ทั้งนั้น

โดยคำว่า O2O มาจาก “Online to Offline” หรือการผสานธุรกิจ จากออนไลน์ไปออฟไลน์ และในขณะเดียวกันก็ดึงจุดแข็งของการขายแบบออฟไลน์เข้ามาใช้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดึงลูกค้าจากออนไลน์ ให้ไปที่ร้านแบบออฟไลน์ หรือ physical stores ต่าง ๆ และกระตุ้นให้เกิดการสินค้ามากขึ้น

สำหรับข้อดีของฝั่งออนไลน์ก็เช่น ความสะดวกสบายในการเลือกดูสินค้า การสั่งซื้อ และการชำระเงิน รวมถึงโปรโมชันส่วนลดต่าง ๆ และความสามารถในการกระตุ้นความสนใจของลูกค้าผ่านสื่อที่เข้าถึงได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook IG YouTube หรือด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นการ Live ขายสินค้า เป็นต้น บวกกับจุดแข็งทางฝั่งออฟไลน์ อย่างเช่นการเน้นในเรื่องของคุณภาพสินค้าแบบและบริการ การจัดประสบการณ์หน้าร้าน บริการของพนักงานและฝ่ายดูแลลูกค้า หรือนึกภาพตัวอย่างง่าย ๆ เช่นแบรนด์ที่มีหน้าร้านให้ลูกค้าเข้าไปเลือกชม กับระบบการซื้อขายออนไลน์ที่ทุกวันนี้แทบจะไม่มีแบรนด์ไหนไม่ใช้ กลยุทธ์การขายที่เชื่อมข้อดีของทั้งสองแบบเข้ามาได้จึงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในการเพิ่มยอดขายมากทีเดียว

?? ข้อดีของ O2O Marketing ที่มากกว่าแค่ยอดขายนอกจากเรื่องของยอดขายแล้ว การทำ O2O Marketing ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของเราด้วย เช่น ถ้าเราจะซื้อสบู่ขัดตัวที่เปิดขายแค่ทางออนไลน์อย่างเดียว ก็คงไม่สร้างความอุ่นใจเท่ากับการได้ไปชม ไปลองใช้สินค้า ไปเจอกับพนักงานตัวเป็น ๆ ที่ร้านค้า ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ซื้อสินค้าทันทีในร้านนั้น แต่อาจจะกลับมากดใส่ตะกร้าสั่งแบบออนไลน์ เพื่อให้ได้โปรโมชันต่าง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีหน้าร้านช่วยให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้นนั่นเอง.นอกจากนี้ ข้อดีของ O2O Marketing ก็คือการที่เราสามารถเพิ่มช่องทางการเก็บข้อมูลจากลูกค้าได้รอบด้านขึ้น คือมีทั้งข้อมูลจากฝั่งออนไลน์ และข้อมูลจากการเข้าใช้บริการที่น่าร้าน ซึ่งในยุคนี้การที่แบรนด์มีข้อมูลดี ๆ อยู่ในมือก็จะช่วยให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ตรงใจลูกค้ามากขึ้น อันจะนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ด้วย

วิธีปรับใช้ O2O Marketing เข้ากับแบรนด์ของเรามีหลากหลายวิธีในการลองปรับใช้โมเดลนี้เข้ากับการตลาดของแบรนด์เรา อย่างแรกเราอาจจะเริ่มจากกลยุทธ์ง่าย ๆ “ซื้อออนไลน์ แล้วมารับหน้าร้าน” เพื่อสร้างความรู้สึกง่าย สะดวกสบาย จ่ายคล่อง ด้วยระบบแบบออนไลน์ แล้วให้ประสบการณ์ด้านการบริการ จากร้านแบบออฟไลน์ ซึ่งถ้าทำได้ดี วิธีนี้ค่อนข้างดึงดูดลูกค้าได้มากทีเดียว

? ตัวอย่างใกล้ตัว เช่น แบรนด์ Apple อย่างผู้เขียนเองก็ชอบที่จะสั่งสินค้าในระบบออนไลน์เหมือนกัน เพราะ

1) ไล่ดูรีวิว ดูสินค้าออนไลน์มาหมดแล้ว

2) สั่ง custom สี ขนาด สเปกสินค้าได้ง่าย

3) รู้ว่าสาขาไหนราคาเท่าไหร่ มีของเหลือกี่ชิ้น มีระบบแจ้งเตือนว่ารับได้วันไหน ไม่ต้องเสี่ยงไปเสียใจที่ร้านถ้าของหมด

4) เลือกวิธีการจ่ายเงินได้หลากหลาย วิธีการไม่ยุ่งยาก ส่วนที่เข้าไปรับในร้าน ก็เพื่อไปเอาประสบการณ์ล้วน ๆ ใคร ๆ ก็ชอบที่จะได้เข้าไป Shop ของ Apple เพื่อไปเอาบรรยากาศ ถึงแม้จะส่งมาที่บ้านได้ แต่ไปที่ร้านให้ฟีลทีดีกว่า และได้เจอพนักงานด้วย ส่วนพนักงานเองก็อาจจะใช้โอกาสนี้ในการแนะนำสินค้าอื่น ๆ หรือบริการเสริม เช่น ประกันสินค้าใหม่ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายด้วย

? ตัวอย่างต่อไปคือ “การปรับปรุงจากระบบ SEO” รู้ไหมว่าแค่การปรับ SEO อย่างเดียวก็ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้มากขึ้น และอาจจะไปต่อที่ฝั่งออฟไลน์ได้มากขึ้นด้วย โดยมีรายงานจาก Google ที่ระบุว่าผู้ซื้อกว่า 50% เลือกดูสินค้าแบบออนไลน์ ดังนั้นการทำให้ตัวเองขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา และมีข้อมูลที่อัปเดตใหม่อยู่เสมอ เช่น ที่ตั้งของสาขา เบอร์ติดต่อ หน้าร้าน และโปรโมชัน ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจและสามารถมาหาเราได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังมีทิปเล็ก ๆ คือ “รีวิวและการให้ดาว” จากลูกค้าก็มีส่วนช่วยสำคัญที่นอกจากจะทำให้หน้าร้านของเราดูน่าเชื่อถือแล้ว ยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเราอาจจะจัดทำเป็นของสมนาคุณเล็ก ๆ หรือส่วนลดแลกกับรีวิวของลูกค้าก็ได้เช่นกัน

สุดท้ายแล้ว O2O Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ไหนที่มีทั้งหน้าร้านออฟไลน์และช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว เพราะเป็นโมเดลที่ดึงเอาจุดเด่นของทั้งสองมาใช้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการเตรียมพื้นฐานของทั้งสองฝั่งให้ดีเสียก่อน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มิฉะนั้นแล้วใช้ O2O Marketing ดึงคนไปหน้าร้านแล้วไม่ประทับใจ หรือออนไลน์รองรับได้ไม่ดีพอ วิธีนี้ก็อาจจะส่งผลเสียต่อทั้งแบรนด์ของเราได้เช่นกัน ดังนั้น เตรียมพื้นฐานดี มีชัยไปกว่าครึ่งนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก



#Createx #CreatexHouse #o2o #o2omarketing

ข้อดี Interactive Content กระตุ้น Engagement ให้พุ่งทะยาน!
จะไฟนอลกี่เวอร์ชันก็เลือก “นามสกุลไฟล์” ให้ถูก
เคล็ดลับเจาะตลาดวัยเก๋าให้โดนใจ ทำอย่างไรได้บ้าง?